ตลาดโน้ตบุ๊คไทยในปี 2568 กำลังกลับมาคึกคักอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยอัตราครอบครองโน้ตบุ๊คในครัวเรือนไทยที่แตะถึง 1 ใน 4 ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัว หลังจากยอดขายซบเซาต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาด ได้แก่ การเข้ามาของโน้ตบุ๊คที่มีชิปประมวลผลรองรับการใช้งาน AI เพื่อการทำงานและความบันเทิงที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และการสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 ที่เร่งให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่รองรับ Windows 11 หรือ 12 ส่งผลให้ยอดจำหน่ายโน้ตบุ๊คในไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี.
แนวโน้มสำคัญและพฤติกรรมผู้บริโภค
ตลาดปีนี้เห็นการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ จากทั้ง Intel, AMD และ Qualcomm ที่มี NPU (Neural Processing Unit) สำหรับงาน AI ติดตั้งมาในตัว จึงดึงดูดความสนใจผู้บริโภคและองค์กรขนาดใหญ่ ข้อมูลจากอีเวนต์งาน Commart ชี้ว่ากลุ่มลูกค้าหลักขยับจากภาคการศึกษามาสู่กลุ่มธุรกิจ SME ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีช่วยเพิ่มผลผลิต โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่โน้ตบุ๊คบางเบาและโน้ตบุ๊คที่มีหน้าจอ OLED หรือ Mini LED ซึ่งเคยมีเฉพาะในรุ่นระดับสูงก่อนหน้า. ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตเน้นออกรุ่นราคาเข้าถึงง่าย สเปกพื้นฐานเป็นซีพียู Intel 12th gen หรือ Ryzen รุ่นใหม่ RAM 16 GB ขึ้นไป พร้อม SSD และพอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย.
ประเด็นสำคัญที่เร่งตลาดโน้ตบุ๊คปีนี้ ได้แก่
- ความต้องการอุปกรณ์ที่รองรับซอฟต์แวร์ AI เช่น Chatbot, Copilot และ Office ที่มีฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติ
- การหมดระยะซัพพอร์ต Windows 10 ซึ่งบังคับให้องค์กรและภาคครัวเรือนต้องเปลี่ยนรุ่นเครื่องให้ทันสมัย
- โปรโมชั่นและอีเวนต์ไอทีที่กระตุ้นการจับจ่ายช่วงครึ่งปีหลัง เช่น Commart และแคมเปญลดราคาโน้ตบุ๊ครุ่นล่าสุด
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ความร้อนแรงของนวัตกรรม AI PC ที่นำไปใช้ในภาคธุรกิจและภาคการศึกษาจะผลักดันยอดขายโน้ตบุ๊คไทยให้เติบโตได้ราว 20-30% ตลอดปี 2568 และคาดว่ากระแสความเปลี่ยนแปลงนี้จะคงอยู่ต่อเนื่องในปีถัดไป.