ตลาดสเตเบิลคอยน์ของสหรัฐอเมริกาเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าร้อยละ 4 หรือกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามรับรองเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 นับเป็นกฎหมายกลางฉบับแรกที่วางกรอบควบคุมสเตเบิลคอยน์อย่างครอบคลุมในสหรัฐฯ
การตอบรับอย่างรวดเร็วจากตลาดสะท้อนความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินต่อความชัดเจนของกฎระเบียบใหม่ นักวิเคราะห์จาก Bank of America คาดว่าอุปทานสเตเบิลคอยน์อาจขยายตัวถึง 75 พันล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ธนาคารหลัก ๆ เตรียมเข้าสู่ตลาดด้วยโมเดลคอนซอร์เทียม ทำให้ตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกมีมูลค่าเกิน 270 พันล้านดอลลาร์แล้ว และการเติบโตล่าสุดมาจากความสนใจของสถาบันที่ได้รับประโยชน์จากกรอบกฎหมายใหม่
ผู้เล่นรายใหญ่ทยอยเข้าสู่ตลาด
ความชัดเจนด้านกฎระเบียบส่งผลให้ผู้เล่นสถาบันรายใหญ่เปิดตัวผลิตภัณฑ์สเตเบิลคอยน์ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ บริษัท Anchorage Digital ซึ่งถือใบอนุญาตธนาคารคริปโตเพียงรายเดียวในสหรัฐฯ ร่วมมือกับ Ethena Labs เปิดตัวแพลตฟอร์มออกสเตเบิลคอยน์ พร้อมกับ “USDtb” ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ตัวแรกที่สอดคล้องกับ GENIUS Act
ในเวลาเดียวกัน บริษัทรายใหญ่ในวอลสตรีทอย่าง WisdomTree ก็เปิดตัว “USDW” สเตเบิลคอยน์ที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐหนุนแบบเต็มจำนวน เพื่อรองรับสินทรัพย์โทเคนที่จ่ายเงินปันผล และผนวกรวมกับกองทุนรวมตลาดเงินในรูปโทเคนซึ่งมีมูลค่า 486 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารหลักอย่าง JPMorgan, Citigroup และ Bank of America ก็ประกาศอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง โดยซีอีโอ Brian Moynihan กล่าวว่า “ธนาคารจะดำเนินการเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”
กรอบกฎระเบียบสร้างเสถียรภาพตลาด
ร่างกฎหมาย GENIUS Act กำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องถือเงินสำรอง 1:1 รองรับทุกโทเคนด้วยเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุสั้น พร้อมเปิดเผยข้อมูลเงินสำรองและตรวจสอบบัญชีโดยอิสระทุกเดือน ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลระดับรัฐบาลกลาง ส่วนรายที่มีขนาดเล็กกว่าสามารถดำเนินการตามกฎของรัฐ
กฎหมายนี้เน้นกำกับดูแลเฉพาะสเตเบิลคอยน์ที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง (fiat-backed) ซึ่งคิดเป็นกว่า 85% ของตลาด โดยโทเคนนำอย่าง USDT และ USDC มีมูลค่ารวมกว่า 227 พันล้านดอลลาร์ แตกต่างจากสเตเบิลคอยน์แบบอัลกอริทึมที่ถูกจำกัดหลังเหตุการณ์ Terra พังทลาย เพราะสเตเบิลคอยน์แบบ fiat-backed สามารถรักษามูลค่าผ่านสินทรัพย์ที่มีอยู่จริง
ทั้งนี้ กรอบกฎหมายใหม่ยังวางมาตรการป้องกันการฟอกเงินและคว่ำบาตรอย่างเคร่งครัด โดยถือว่าผู้ออกสเตเบิลคอยน์ทุกเจ้าคือสถาบันการเงินภายใต้ Bank Secrecy Act กำหนดให้ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตรวจสอบลูกค้าและมาตรการควบคุม AML/CFT อย่างเคร่งครัด เพื่อขจัดความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและดึงดูดนักลงทุนสถาบันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น