เงินทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องเกือบ 12% ตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับนักลงทุนทั่วโลก เฉพาะวันที่ 7-22 กรกฎาคม เงินทุนต่างชาติไหลเข้าสุทธิรวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยกระจุกตัวที่หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ธนาคาร และหุ้นปันผลสูง ขณะเดียวกัน เงื่อนไขใหม่จากการเร่งเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ให้ความหวังว่านโยบายการค้าใหม่อาจเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยตามรอยเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเจรจาสำเร็จและส่งผลต่อบวกต่อตลาดหุ้นของประเทศเหล่านั้น.
สถานการณ์การลงทุนและปัจจัยที่ต้องจับตา
แม้ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวน และล่าสุดดัชนี SET Index ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,200 จุดในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคม สาเหตุหลักจากแรงขายเพื่อลดความเสี่ยง และปัจจัยกดดันด้านสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่โบรกเกอร์และนักวิเคราะห์หลายรายยังคงชี้ว่าทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มทยอยเข้าซื้อในครึ่งปีหลัง เหตุเพราะราคาหุ้นไทยปัจจุบันถือว่าถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาค และมีความหวังกับข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ หากสำเร็จ โอกาสที่ SET จะขึ้นถึง 1,275 จุดยังมีอยู่.
ประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่
- ผลสรุปเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อท่าทีของนักลงทุนต่างชาติ
- การฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มเป้าหมาย (ปิโตรเคมี ธนาคาร หุ้นปันผล) ว่าจะเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้นหรือมีแรงซื้อต่อเนื่อง
- ความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และสถานการณ์ชายแดน ซึ่งยังมีผลต่อจิตวิทยาตลาดโดยตรง
โดยสรุป เงินทุนไหลกลับเข้าสู่หุ้นไทยเป็นสัญญาณบวกที่จับต้องได้ แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยภายนอกมาหนุนต่อเนื่อง หากข้อตกลงการค้าสำเร็จ ตลาดอาจพลิกขึ้นชัดเจน แต่ถ้ากลับกัน ความหวังขาขึ้นอาจจบลงในระยะสั้น.
