สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาระลอกล่าสุด สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่อการค้าชายแดนและการกระจายสินค้าภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัทและร้านค้าจำนวนมากประสบปัญหาการลำเลียงสินค้า สต๊อกค้างคลัง และยอดขายหน้าร้านซบเซา ในบริบทนี้ กระทรวงพาณิชย์ประกาศเร่งมาตรการด่วน “ปฏิบัติการ E-Commerce พุ่งตลาดออนไลน์” เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนธุรกิจเข้าสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ ไม่เพียงสำหรับตลาดภายในประเทศ แต่ยังเร่งเชื่อมตลาดเวียดนาม-ลาวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและเครือข่ายโลจิสติกส์ที่รัฐสนับสนุน
ธุรกิจขนาดกลาง-ย่อม (SMEs) ที่เคยพึ่งพาการขายหน้าร้านจึงต้องเร่งศึกษาและลงมืออย่างคล่องตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโตในตลาดใหม่ที่ขยายสู่ดิจิทัล ความเร่งด่วนนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อข้อมูลจากกระทรวงฯ ระบุว่า ปริมาณออเดอร์ข้ามแดนผ่านอีคอมเมิร์ซไทย-ลาว–เวียดนามในเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงขึ้นกว่า45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
ขั้นตอนสำคัญและข้อควรระวัง
การจะเปลี่ยนธุรกิจออฟไลน์สู่อี–คอมเมิร์ซได้เร็วและปลอดภัย ต้องพิจารณาทั้งระบบภายใน เทคโนโลยี บุคลากร และมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ คำแนะนำสำคัญจากศูนย์ Digital Commerce กระทรวงพาณิชย์ ได้แก่
- สร้างตัวตนแบรนด์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เช่น Lazada, Shopee, TikTok Shop หรือแพลตฟอร์ม B2B ที่รัฐแนะนำ เพื่อให้การเข้าถึงลูกค้าใหม่ทำได้เร็ว โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง แต่ต้องระวังเลือกแพลตฟอร์มที่มีระบบการยืนยันตัวตนผู้ขาย และรองรับมาตรฐาน PDPA/GDPR
- ออกแบบกระบวนการขาย–ส่งมอบสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคด่วน ทั้งระบบรับออเดอร์แบบอัตโนมัติ การผูกบัญชีรับเงินผ่านธนาคารที่มีการยืนยันสองปัจจัย (2FA) รวมถึงติดตามสถานะการจัดส่งด้วยระบบ Tracking เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าต่างประเทศ
- ปรับระบบภายในองค์กรให้พร้อมรับข้อมูลดิจิทัล โดยเน้นการสร้างฐานข้อมูลลูกค้า บริหารจัดการสต็อกสินค้าด้วยระบบออนไลน์ ตรวจสอบยอดขาย แจ้งเตือนอัตโนมัติ ลดโอกาสสินค้าขาดตลาด และสามารถเผื่อแผนสต๊อกกระจายคลังสินค้า กรณีเขตชายแดนปิดถนนหรือถูกจำกัดการขนส่ง
การเสริมภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์และข้อควรระวัง
หัวใจของการขึ้นออนไลน์แบบ “เร็วแต่ปลอดภัย” คือต้องคำนึงถึงภัยไซเบอร์และความปลอดภัยข้อมูลเป็นอันดับต้น ๆ เช่น มาตรการเข้ารหัสข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมทุกครั้งที่รับ–ส่ง ผ่าน SSL/TLS และต้องสำรองข้อมูลระบบอัตโนมัติประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ของไทย (TCSD) ระบุว่า ช่วงสงครามชายแดน มีความพยายามเจาะข้อมูลแฝงเพิ่มขึ้น เป้าหมายหลักคือ SME ที่พึ่งเริ่มเข้าสู่โลกออนไลน์ซึ่งขาดประสบการณ์
ข้อควรเลี่ยง ได้แก่:
- หลีกเลี่ยงการแชร์ชื่อผู้ใช้–รหัสผ่านแอดมินระหว่างกันในทีม หรือใช้รหัสผ่านซ้ำซ้อนหลายแพลตฟอร์ม
- อย่าเปิดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลภายในแก่ผู้ให้บริการ outsource หรือผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ไม่ตรวจสอบประวัติก่อน
- หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ แม้จะมาในนามคู่ค้าเดิม
อัปเดตมาตรฐานจากหน่วยงานรัฐ
ล่าสุด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ประกาศแนวทางการรับมือภัยออนไลน์ให้ธุรกิจ SME ทุกระดับ ศูนย์กลางกลางการค้าออนไลน์ไทย–เวียดนาม–ลาว จึงเตรียมให้บริการตรวจสอบร้านค้าใหม่ การแนะนำแนวปฏิบัติด้านไซเบอร์ การฝึกอบรมออนไลน์ฟรีทั้งการใช้ระบบชำระเงิน การตั้งค่าระบบหลังบ้าน และการรับมือข่าวลวงหรือฟิชชิ่งที่จับตาโดยเฉพาะในสถานการณ์ชายแดน
ทางฝั่งโลจิสติกส์ กรมศุลกากรได้ร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศสร้างช่องทางด่วน “CBE (Cross Border E-Commerce Express)” ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนส่งออก–นำเข้าสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ทำให้สามารถทราบสถานะภาษี คลังสินค้า และสถานะผ่านแดนได้แบบเรียลไทม์ ลดปัญหาการตกค้างหน้าด่านและช่วยให้ปรับแผนส่งมอบสินค้าช่วงอ่อนไหวได้ทันที
ประโยชน์ที่ธุรกิจได้รับ:
- โอกาสเพิ่มยอดขายและลดการพึ่งพาตลาดหน้าร้านหนึ่งเดียว โดยสินค้าที่เดิมขายดีเฉพาะในประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปเกษตร เสื้อผ้าแฟชั่น OTOP สามารถปรับแพ็กเกจ อัปโหลดขึ้นข้ามแดนไปยังตลาดเวียดนามและลาวทันที และใช้ระบบขนส่งพัสดุร่วมกับพันธมิตรโลจิสติกส์ที่มีจุดแข็งด้าน Cross Border Fulfillment
- ได้รับความคุ้มครองและตรวจสอบข้อมูลการเงินในระบบ Payment Gateway มาตรฐานสากล ที่ผ่านการรับรองจากแบงก์ชาติ ลดโอกาสถูกแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและบัญชีธนาคารออนไลน์
- สามารถเข้าถึงโครงการช่วยเหลือเงินทุนและคูปองดิจิทัล จากหน่วยงานรัฐ เช่น สสว., ETDA, กระทรวงพาณิชย์ ที่สนับสนุนค่าออกแบบเว็บไซต์ โฆษณา และค่าโปรโมทสินค้าใหม่ออนไลน์สูงสุดถึง 50,000–100,000 บาทต่อธุรกิจ
แนวทางก้าวสู่ตลาดใหม่อย่างยั่งยืน
การตัดสินใจเปลี่ยนผ่านสู่ E-Commerce ไม่มีคำว่าสาย หากเตรียมพร้อมทั้งข้อมูล ทรัพยากร และมาตรฐานความปลอดภัย กระทรวงพาณิชย์แนะนำว่า ควรประสานงานกับสถาบันฝึกอบรมที่รัฐรับรอง เช่น Digital Commerce Academy, โครงการอบรมอีคอมเมิร์ซของมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพื่อเรียนรู้รูปแบบการตลาดออนไลน์ที่ถูกต้อง ลดต้นทุนความผิดพลาด และขยายโอกาสกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งในไทยและอาเซียน
สำหรับสถานการณ์จุดวิกฤต อี–คอมเมิร์ซกลายเป็นเส้นทางหลักให้ธุรกิจไทยรับมือความไม่แน่นอนของชายแดนและเติบโตสู่ตลาดภูมิภาคด้วยความเร็วและความมั่นใจ หากลงมืออย่างรอบคอบ ปรับใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม รับฟังคำปรึกษาจากหน่วยงานรัฐ และไม่ละเลยมาตรการไซเบอร์ ธุรกิจออฟไลน์จะสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส บุกตลาดเวียดนาม-ลาว และออนไลน์ ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน